"เทวรูปพูดได้"

รายละเอียด



** "เทวรูปพูดได้ (1)" ..โดย : เจียระไน [ 14-05-2005 03:29:55 ] **
****************************************************************
ณ ดินแดนอันไกลโพ้น เทวรูปองค์หนึ่งสุกสว่างท้าทายสายลมแสงแดดมานานเท่าใดสุดจะทราบได้
เทวรูปองค์นี้ยิ่งดูยิ่งสวยเย็นตาเย็นใจชวนให้หลงใหลยิ่งนัก จนเป็นที่กล่าวขานกันไปทั่ว
มีผู้คนแห่กันเข้าไปเยี่ยมชมเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
บางคนถึงกับตั้งรกรากสร้างโน่นสร้างนี่ให้แก่สถานที่แห่งนั้น
เพียงเพื่อให้ได้ยลโฉมชื่นชมองค์เทวรูป และได้พูดคุยทักทายกับผู้คนที่มาอยู่รวมกัน ณ ที่แห่งนั้น
ก็มีความสุขใจแล้ว
การเช่นนี้ ยังความปลาบปลื้มให้แก่เทวรูปเป็นอย่างมาก
อยู่มาวันหนึ่ง เทวรูปเอ่ยปากพูดขึ้นว่า "ขอบใจทุกๆ คนที่ชื่นชมตัวเรา.."
เสียงเทวรูปอ่อนหวานไพเราะ
สร้างความปิติยินดีให้แก่ทุกผู้คนที่อยู่ในที่แห่งนั้นจนข่าวแพร่สพัดไปทั่ว
กล่าวกันว่า ใครที่มีความทุกข์ เจ็บไข้ได้ป่วย หากได้เข้าไปพบและพูดคุยกับเทวรูป
ก็จะหายทุกข์หายโศรก หายเจ็บหายไข้ กลับออกมาทุกราย
จากวันเป็นเดือน ชุมชนแห่งนั้นพัฒนาตัวเองจนเป็นหมู่บ้านที่แสนจะอบอุ่นเบิกบานใจ
จนหลายๆ หมู่บ้านที่แวะเวียนผ่านมา ถึงกับเอ่ยปากชื่นชม
หลายวันต่อมา ไม่มีใครได้ยินเสียงเทวรูปเลยสักคน
บรรยากาศเริ่มหงุดหงิด ต่างคนต่างมองหน้ากัน ต่างคนต่างหวังเฝ้ารอให้เทวรูปส่งเสียง
ออกมาพูดคุยกับตนเพียงอย่างเดียว
แต่ละคนไม่พูดคุยกันเหมือนเช่นแต่ก่อน
บ้างก็ตั้งตนเป็นผู้วิเศษ สามารถติดต่อพูดคุยไปไหนมาไหนกับเทวรูปได้เป็นการส่วนตัว
บ้างก็อวดศักดาข่มผู้อื่นว่า เทวรูปจะไม่ลงมาพูดด้วย หากพูดจาล่วงเกินเทวรูป
ถึงขั้นไล่ตบไล่ตีคนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความรักและความจริงใจที่มีต่อเทวรูป
บ้างก็ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นอะไร เพราะเกรงจะไม่ได้ของศักดิ์สิทธิ์ของขวัญของกำนัล
ที่เทวรูปจะฝากพวกคนทรงเจ้าลงมาให้
บ้างก็กลัวว่าผู้วิเศษเหล่านั้นจะไปฟ้องไปบอกเทวรูป ทำให้เทวรูปไม่รักไม่โปรดปรานตน
และหลายๆ คนก็คิดว่า อยู่เฉยๆ น่าจะดีที่สุด!
หมู่บ้านที่เคยมีแต่ความอบอุ่น ทักทายกันเสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน
เริ่มจางหายสลายเป็นชุมชน เหลือแค่เป็นกลุ่ม และจะไม่เหลือใครอีกเลย
แม้แต่คนเล่านิทาน "เทวรูปพูดได้" หากทุกๆ คนลืมจุดเริ่มต้นแห่งรัก
..อย่าได้หวังให้ต้นรักงอกงามกลางทะเลทรายนะท่านผู้อ่าน

โดย : บรรณารักษ์ [ 2006-10-07 17:10:28 ] 203.107.205.79 DELETE    แจ้งลบ

1

ความคิดเห็นที่ : 1



** "เทวรูปพูดได้ (2)" ..โดย : เจียระไน [ 19-08-2005 22:11:55 ] **
****************************************************************
..เทวรูปไม่พูดมาเป็นเวลานาน จนมีข่าวเว่วมาว่าหมู่บ้านข้างเคียงก็มีเทวรูปศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน
และเทวรูปองค์นั้นก็มักจะลงมาพูดมาสนทนากับผู้คนในหมู่บ้านอยู่เป็นประจำ
ทำให้คนหลั่งไหลเข้าไปอย่างเนืองแน่น
รวมทั้งผู้คนในหมู่บ้านเดิมหลายคนก็หนีไปอยู่ในที่นั้นด้วย

ณ หมู่บ้านใหม่นี้ แต่เดิมเทวรูปแทบไม่ได้ส่งเสียงเลย
แต่มาช่วงหลังๆ เทวรูปเริ่มพูดได้!
เดือนหนึ่งพูดที สองสัปดาห์พูดที
เวลาเทวรูปพูดที ชาวบ้านก็เฮที พากันชื่นใจส่งเสียงอื้ออึงกันไปทั่ว

อยู่มาวันหนึ่ง เทวรูปส่งเสียงพูดจาต่อว่าต่อขานกรรมการหมู่บ้านคนหนึ่ง
กรรมการคนนั้นได้ยินเข้า ก็ลุกขึ้นชี้หน้าเทวรูป แล้วสวนกลับอย่างรุนแรงว่า "ไม่จริง"
วันรุ่งขึ้น เทวรูปก็พูดตอบมาอีก และในวันถัดไปเทวรูปก็พูดอีก เพื่อกล่าวคำขอโทษ
เทวรูปพูดถี่มาก เทวรูปพูดทุกวัน
จนความแตกว่า ที่แท้ที่ผ่านมาทั้งหมด คนในหมู่บ้านนั้นแหละที่แอบอ้าง
มาทำเสียงเป็นเทวรูป คนละทีสองที เพื่อให้ชาวบ้านได้ชื่นใจ
และในตอนหลังกลับกลายเป็นการตอบโต้กันไปมาในนามของเทวรูป!

หมู่บ้านนั้นจะลงเอยอย่างไร? ผู้เล่าคงจบตอน 2 ไว้เพียงเท่านี้
ซึ่งนิทานเรื่องนี้ก็คงทำให้ท่านผู้อ่านได้มีข้อคิดข้อถามได้หลากหลาย
คุณล่ะ? รักเทวรูป เพราะอะไร ถามใจตัวคุณเองดูอีกที?

โดย : บรรณารักษ์ [ 2006-10-07 17:12:51 ] 203.107.205.79 DELETE    แจ้งลบ

ความคิดเห็นที่ : 2



** "เทวรูปพูดได้ (3)" ..โดย : winny [ 11-05-2006 10:34:55 ] **
****************************************************************
หลายเดือนต่อมา
หมู่บ้านแห่งนั้นก็เริ่มกลายเป็นหมู่บ้านร้างที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพังและทรุดโทรมลงทุกวันๆ
เหลือเพียง 2 ตา-ยายแก่ๆคู่หนึ่งที่ยังมีความรักและศรัทธาในเทวรูปองค์นั้น
คอยวนเวียน ดูแลปัดกวาดเช็ดถู และพยายามที่จะซ่อมแซมซากที่ปรักหักพังต่างๆ
ด้วยกำลังอันน้อยนิดเพื่อรอวันที่หมู่บ้านแห่งนี้จะกลับมาคึกคักเหมือนเดิม
ก็มีบ้างเป็นบางวันที่ยังพบเห็นเพื่อนเก่าบางคนแวะเวียนเข้ามาเยี่ยม ถามข่าวคราวความเป็นไปของเทวรูป
และมีอาคันตุกะหน้าใหม่ๆ ที่ยังมีความศรัทธาในองค์เทวรูปแวะเวียนเข้ามาเป็นบางเวลา
จนกระทั่งวันหนึ่งเกิดพายุใหญ่พัดโหมกระหน่ำ
เทวรูปซวนเซใกล้จะล้มครืนลงมา
ด้วยมืออันเหี่ยวย่นและด้วยแรงใจที่เข้มแข็ง
ยายได้ใช้ทั้งสองอย่างนี้ค่อยๆพยุง
ประคับประคองและค้ำจุนเทวรูปองค์นี้ให้ยืนหยัดและต้านแรงพายุที่กระหน่ำถาโถมเข้ามา

ในบางค่ำคืนขณะที่ยายหลับอยู่ ในฝันยายพบว่า เทวรูปองค์นั้นเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง ว้าเหว่
และบางครั้งยายพบว่ามีน้ำใสๆไหลออกมาจากเบ้าตาทั้งสองข้างของเทวรูป
หลายครั้งที่ยายพบเห็นความเหนื่อยล้าในแววตาของเทวรูป
ผู้คนรอบข้างที่เคยแวดล้อมหลบลี้หนีหายไปจากเทวรูปกันหมด
ไม่มีเหลือแม้แต่คนที่เคยใกล้ชิด
ยายรู้สึกเศร้าและสงสารเทวรูปจับใจ
แต่สิ่งเดียวที่ยายจะสามารถทำได้ในตอนนั้นคือ ตั้งจิตอธิฐานเพื่อส่งคำปลอบโยนไปให้
"เข้มแข็ง และอดทน" คือคำปลอบโยนที่ดีที่สุดในเวลานี้

ในหมู่บ้านที่เงียบเหงา ยายมักจะแหงนมองดูฟ้า
เพราะมีดาวดวงหนึ่งที่เกิดขึ้นมาไม่นานพร้อมๆ กับเทวรูปองค์นั้น
ยายเองทึกทักเอาว่านั่นคือดาวประจำตัวของ องค์เทวรูป

."วันนี้แสงของดวงดาวช่างริบหรี่เหลือเกิน" ยายรำพันอยู่ในใจ
"อีกเมื่อไหร่? ดาวดวงนี้จะสว่างสุกใสเหมือนเดิม"
คงอีกไม่นานหรอก... วันที่ดาวดวงน้อยจะสว่างสุกใส หมู่บ้านแห่งนี้คงไม่เงียบเหงา และเปลี่ยวดายเช่นนี้
ผู้คนคงจะหลั่งไหลเข้ามาชื่นชม ยินดี
อาคันตุกะทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่คงหลั่งไหลเข้ามา
พร้อมกับข้าวของเซ่นไหว้และความหวังที่จะได้พบปะพูดคุยกับเทวรูปอีกครั้ง

..เมื่อถึงวันนั้น 2 ตา-ยาย คงจะได้พักผ่อนสักทีน่ะ

โดย : บรรณารักษ์ [ 2006-10-07 17:14:49 ] 203.107.205.79 DELETE    แจ้งลบ

ความคิดเห็นที่ : 3



** "เทวรูปพูดได้ (4)" ..โดย : นักเขียนหน้าใหม่ [ 21-05-2006 22:48:11 ] **
****************************************************************
ก่อนที่จะมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเพียงไม่กี่เดือน
ก่อนที่คนในหมู่บ้านจะต่างอพยบไป
จนหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยผู้คนที่เชื่อและศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์ของเทวรูปจะร้างลง
เหลือเพียงแต่คนแก่กับคนพิการที่แทบจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
และพวกที่เหลือเหล่านี้เพียงไม่กี่คนนี่แหละที่จะยอมอยู่ดูแลเทวรูปทุกลมหายใจที่พวกเขามี
เพราะเขารู้ว่าอีกไม่นานเหตุการณ์ร้ายๆจะเกิดขึ้นกับเทวรูปอย่างแน่นอน...

หญิงตาบอดที่อาศัยอยู่ในโบถส์ที่ตั้งของเทวรูปองค์นี้ก็เช่นกัน
เธอเป็นหญิงรับใช้เป็นผู้ที่คอยเก็บกวาดโบสถ์และดูแลทำความสะอาดให้โบสถ์และองค์เทวรูปทุกๆวัน
ไม่มีวันไหนที่ขาดไปเลยสักวัน
เธอเป็นหญิงที่เชื่อและศรัทธาองค์เทวรูปมากโดยไม่คิดอะไรทั้งสิ้นว่าเทวรูปจะเป็นเทวรูปที่พูดได้
หรือเป็นองค์เทวรูปที่ศักดิ์สิทธิ์จริงที่จะให้อะไรกับเธอได้ทุกอย่างจริงหรือไม่
เธอรู้อย่างเดียวว่าเธอจะศรัทธาและจะกราบไหว้องค์เทวรูปองค์นี้
ทุกๆ วันแม้เธอจะเป็นหญิงตาบอดเธอก็รักและศรัทธาในองค์เทวรูป
จนแทบจะมองเห็นแสงสว่างในองค์เทวรูปนั้นได้เลยทีเดียว

...และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
องค์เทวรูปจะถูกซื้อไปจากหมู่บ้านโดยพ่อค้าที่จะนำองค์เทวรูปไปขายยังต่างประเทศ
แน่นอนหญิงตาบอดที่คอยปกป้ององค์เทวรูปอยู่นั้นย่อมไม่ยอมปล่อยให้เกิดเหตุการณ์อย่างนั้นเกิดขึ้นแน่นอน
หญิงตาบอดอ้อนวอนขอพ่อค้าคนนั้นอย่างน่าเศร้า
เธอร้องไห้และหยิบยื่นทรัพย์สินที่มีอยู่ในตัวอยู่น้อยนิดให้กับทางพ่อค้าจนหมดสิ้น
แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือคำหัวเราะเยาะในการกระทำอันโง่เขลาของหญิงตาบอด

*พ่อค้า
"แกมันไอ้หมาจนตรอก เงินไม่กี่ร้อยจะมาแลกอะไรกับเทวรูปธรรมดาๆอันนี้ได้ยังไง
แกอย่าไปคาดหวังอะไรกับมันเลย มันทำให้แกหายตาบอดได้ฤาก็ไม่
แกหลีกทางให้ฉันไปเอาเทวรูปนั่นดีกว่า"
**หญิงตาบอดยิ่งร้องไห้และตอบกลับไปว่า
"ฉันคาดหวังอยู่อย่างเดียวเท่านั้นคือฉันจะได้ดูแลเทวรูปตลอดไปจนกว่าฉันจะตายจากโลกใบนี้ไป"
*พ่อค้า "นั่นแกก็บ้าแน่ๆ ที่ยอมทำอะไรบ้าๆเพื่ออะไรที่ไม่มีตัวตน"
**หญิงตาบอด "ที่ฉันทำก็เพราะความรัก
มันเป็นความรักที่ฉันพร้อมจะสละได้ทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิตของฉันเอง"
*พ่อค้า "นั้นฉันถามแกหน่อยถ้าแกรักไอ้เทวรูปนั่นนัก
มีอะไรที่ทำให้แกเลิกรักและศรัทธาในตัวเทวรูปนั่นได้มั่ง ฉันจะได้ช่วยสงเคราะห์ให้"
**หญิงตาบอด
"ไม่มีอะไรที่ทำให้ฉันเลิกรักเทวรูปได้หรอก ไม่ว่าเทวรูปท่านจะพูดได้จริงๆ
และลุกขึ้นมาบอกฉันว่า ท่านเกลียดฉัน ไม่รักฉันอย่างที่ฉันรักท่าน และไม่แคร์ฉัน
ลืมฉันจำฉันไม่ได้อีกเลย ฉันก็จะรักและศรัทธาในตัวท่านไม่เปลี่ยนแปลง"
*พ่อค้า "แกมันศรัทธาในความรักบ้าๆนั้นมากไปแล้ว"
**หญิงตาบอด "ฉันแค่เชื่อว่าความรักมันจะตอบแทนฉันมาด้วยความสุขต่างหากล่ะ"
*พ่อค้า "แล้วถ้ามันไม่มีความสุขล่ะ"
**หญิงตาบอด "ถ้าเทวรูปท่านมีความสุข ฉันจะยอมทุกข์เอง"
*พ่อค้า "นั่นแกก็ลองตายเพื่อปกป้องเทวรูปองค์นั่นซิ ฉันถึงจะเชื่อ
และยอมไม่เอาเทวรูปไปขาย"

*หญิงตาบอดนิ่งงันไปครู่นึง และหันมากอดเทวรูปองค์นั่น และหยิบมีดพกขึ้นมาปลิดชีพตัว
และหันกลับมาพูดกับพ่อค้าคนนั้นว่า
"ฉันขอให้คุณรักษาคำพูด และอย่าได้ทำลายความรู้สึกของผู้ที่รักคุณ
เพราะคนที่รักคุณทุกคนเขาเป็นผู้ที่พร้อมจะให้ทุกอย่างๆกับคุณ พร้อมทั้งให้อภัยคุณทุกอย่างที่คุณทำ
คุณลองกับไปที่บ้านและคุณจะได้พบสิ่งนั้น และฉันเชื่อว่าความรักก็จะช่วยคุณให้มีความสุขได้เอง
ฉันเป็นคนที่มีความรักให้กับสิ่งที่ฉันพร้อมจะยอมให้ได้ทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิต
ฉันมีความสุขที่ได้ทำสิ่งนี้แล้ว"
**พ่อค้า
"ฉันขอบใจเธอที่ทำให้ฉันรู้จักความรักอีกด้านหนึ่ง
ฉันเชื่อว่าเธอทำสิ่งที่อีกหลายคนทำไม่ได้ ชีวิตเธอมีความหมายกับอีกหลายคนที่ไม่รู้จักคำว่ารัก
ฉันจะนำความหวังดีของเธออันนี้ไปบอกกับอีกหลายคนที่ไม่รู้จักคำว่ารัก เป็นตัวแทนเธอที่จะทำสิ่งนี้
แม้จะไม่มีใครมาแทนที่เธอได้ก็ตาม หลับให้สบายเถอะ"
นั่นเป็นคำสุดท้ายก่อนที่เขาจะเดินออกไป

และดวงจิตของหญิงตาบอดก็ยังวนเวียนอยู่ตรงที่ที่เธอจะสามารถปกป้องและดูแลเทวรูปได้ตลอดไป
โดยไม่ขอไปเกิดใหม่เพื่อไปมีชีวิตใหม่
แต่กลับขออยู่ที่เดิมที่ที่เธอมีความหวังที่จะรักและดูแลเทวรูปองค์นี้ตลอดกาล
*อานุภาพของความรักมันเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่ทำให้คนมีความสุขและความทุกข์ได้พร้อมกัน
แต่คนเราก็เลือกที่จะรัก
เพราะรักเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีพลังที่จะต่อสู้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่ยากลำบากนั่นเอง*

"ฉันขอร้องสิ่งหนึ่งน่ะ สำหรับคนที่ได้อ่าน อย่าดูถูกความรัก ของคนที่รักคุณ
เพราะฉันสงสารคนที่ถูกปฎิเสธความรัก เพราะเขาอาจจะรักคุณหมดใจและเมื่อคุณไม่แคร์กับความรักที่เขาให้
เขาคนนั้นจะร้องไห้จนหมดใจ และเขาอาจจะคิดสั้นทำร้ายตัวเอง นี้แหละเป็นสิ่งที่น่าเศร้าใจที่สุด
(ความรักมีหลายรูปแบบทั้งแบบ แฟน พี่น้อง พ่อแม่ ลูก เพื่อน
แต่ฉันโชดดีที่รู้สึกเจ็บน้อยกับความรู้สึกแบบแฟน
แต่ฉันกลับเสียใจร้องไห้จนไม่มีน้ำตากับความรู้สึกระหว่างเพื่อนมากกว่า)

เพื่อนให้มากกว่ารัก เพราะเขามีมิตรภาพให้คุณจนทำให้คุณไม่อ้างว้าง
ขอบคุณเพื่อนคนที่..... ฉันรักเพื่อนคนนี้มากจริงๆ หวังว่าเขาเองคงจะรู้

โดย : บรรณารักษ์ [ 2006-10-07 17:22:18 ] 203.107.205.79 DELETE    แจ้งลบ

ความคิดเห็นที่ : 4



** "เทวรูปพูดได้ (5)" ..โดย : winny [ 24-05-2006 12:06:27 ] **
****************************************************************
ตอนรุ่งสางของวันหนึ่ง พระอาทิตย์เริ่มมีแสงสีทองรำไร
ณ ถนนที่ทอดยาวเข้าสู่หมู่บ้าน ซึ่งเมื่อก่อนเคยโล่งเตียนและราบเรียบ
แต่บัดนี้พื้นทางเดินกลายเป็นหลุมเป็นบ่อและสองข้างทางรกร้างไปด้วยพงหญ้าและป่าหนาม
พระภิกษุรูปหนึ่ง กำลังเดินอย่างสำรวม และตรงเข้ามาในหมู่บ้าน
โดยมีชายชราคนหนึ่งสะพายถุงย่ามเก่าๆเดินตามหลังอย่างช้าๆ มุ่งหน้าเข้าสู่เทวาลัยที่เทวรูปตั้งอยู่
“ ทุกสิ่งในโลก ล้วนอนิจจัง มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย น่าเวทนาแท้ๆ” พระภิกษุปลงอนิจจังเบาๆ
“ ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ “ ชรากล่าวขึ้นกับพระภิกษุ
เมื่อสายตากำลังเพ่งมองไปยังหลุมฝังศพของยายตาบอด
และข้อความที่จารึกไว้บนแผ่นหินหน้าหลุมฝังศพซึ่งถูกฝังไว้ใกล้เทวาลัยแห่งนั้น
“ คนที่ไม่รู้จักรักตัวเอง นอกจากจะตาบอดแล้ว ใจยังบอดด้วย น่าสงสารแท้ๆ “ พระภิกษุเอ่ยขึ้น
“ ความรักที่ขาดสติมักจะทำลายทุกอย่าง ทำลายมิตรภาพแห่งคำว่าเพื่อน ทำลายคนที่เรารักโดยไม่รู้ตัว
และสุดท้ายทำลายตัวเอง “
พูดจบก็เดินนำหน้าชายชราเข้าไปในเทวสถานแห่งนั้น

ในห้องที่เทวรูปตั้งตระหง่านอยู่ บรรยากาศเยือกเย็นและเงียบสงบเหมือนเฉกเช่นทุกวันที่ผ่านมา
เทวรูปก็ยังสงบนิ่ง ไม่รับรู้หรือแสดงอาการตอบสนองต่อเหตุการณ์ใดๆทั้งสิ้น
“อาตมาเชื่อว่าอีกไม่นาน เทวรูปองค์นี้ จะส่องแสงสุกสว่างดั่งเช่นอตีดที่ผ่านมา”
พระภิกษุเอ่ยขึ้นกับชายชรา
“ท่านดูสิ วันนี้องค์เทวรูปเริ่มมีรังสีนวลๆและส่งรัศมีเป็นประกายจางๆ
กระทบกับแสงทองของพระอาทิตย์ยามเช้า น่าพิศวงอย่างยิ่ง” ชายชรากล่าวขานเช่นนั้น
“อาตมาจะจำวัดที่นี่ และจะบูรณะสถานที่แห่งนี้ให้กลับรุ่งเรืองเหมือนอตีด ท่านเห็นด้วยหรือไม่”
พระภิกษุเอ่ยถามชายชรา
“กระผมจะอยู่ช่วยท่านอีกแรงครับ“ ชรากล่าวอย่างแข็งขัน

เมื่อมีเจตนาร่วมกันแล้ว ทั้งสองจึงเริ่มลงมือเดินสำรวจสถานที่ในเทวาลัย
รวมถึงที่ๆเคยเป็นหมู่บ้านมาก่อน
จึงพบว่ายังเหลือร่องรอยของผู้คนที่เดินทางผ่านเข้ามาบ่อยๆอยู่เป็นอันมาก
ซึ่งบางคนก็เพิ่งผ่านมาและจากไปไม่นาน
และบางคนก็ยังแวะเวียนมาทุกวัน
เพราะเท่าที่สังเกตุ องค์เทวรูปเองได้รับการปัดกวาดเช็ดถูอยู่เป็นประจำ
นั่นแสดงว่ายังมีผู้คนอีกมากมายที่ยังมีศรัทธาต่อองค์เทวรูป
และพร้อมที่จะกลับเข้ามาพักพิง อาศัยในหมู่บ้านนี้
ถ้าจะมีใครสักคนที่จะพอเป็นผู้นำของหมู่บ้าน
และสามารถพัฒนานำความเจริญเข้ามาอีก
โดยมีองค์เทวรูปเป็นจุดศูนย์กลางของความศรัทธา และเชื่อมั่น ..

และนอกเหนือสิ่งอื่นใด การกระทำใดๆก็ตามอย่างหวังผลตอบแทน
เพราะถ้าเราไม่ได้อย่างที่หวัง เราจะไม่สามารถยอมรับกับสิ่งนั้นได้
และอย่ายึดมั่นว่าสิ่งนี้เป็นของเรา เฉกเช่นที่ ยายตาบอดยึดมั่นว่า
องค์เทวรูปเป็นของเธอ และพยายามยื้อแย่ง ฉกชิงมาจากพ่อค้า
โดยไม่คำนึงว่า “ความรักที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่การครอบครองไว้คนเดียว
แต่ควรจะยินดีที่จะได้เห็นสิ่งที่ตัวเองรัก ไปอยู่ในที่ๆดีกว่า
สง่างามและสูงค่ากว่าที่ๆเป็นมา”

"จงเรียนรู้ที่จะรักตัวเองก่อน แล้วจึงแบ่งปันความรักให้คนอื่น
เพราะคนที่รักตัวเองไม่เป็นแล้วจะรักคนอื่นเป็นนั้นคงเป็นไปได้ยาก"

โดย : บรรณารักษ์ [ 2006-10-07 17:23:19 ] 203.107.205.79 DELETE    แจ้งลบ

ความคิดเห็นที่ : 5



** "เทวรูปพูดได้ (6)" ..โดย : เจียระไน [ 11-05-2006 10:34:55 ] **
****************************************************************
ค่ำคืนหนึ่ง ชายคนหนึ่งหัวกลมหน้าตามอมแมม ในชุดเสื้อหม้อห้อมสีน้ำเงินเข้ม
ด้านหลังสะพายผูกด้วยห่อผ้า เดินทางฝ่าลมพายุจนมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้
แล้วทรุดตัวลงแทบเท้าองค์เทวรูปด้วยความอ่อนล้า

หลายคืนก่อนหน้านี้ เทวรูปพูดได้องค์นี้ไปเข้าฝันชายคนนี้บ่อยๆ
"มาสิ มาหาเรา แล้วเราจะดีใจมาก"
"มาสิ เราอยากเจอเธอใกล้ๆ อยากขอบใจเธอด้วยตัวเราเองสักครั้ง"
"มาสิ เราจะเลี้ยงข้าวเธอ ทานข้าวกับเธอสักมื้อหนึ่ง.."
เสียงไพเราะขององค์เทวรูปดังกังวานวนเวียนภายในหัวของชายผู้นี้
และวันนี้ คืนนี้ "ย่องเบา" ได้มาถึงจุดนัดฝันแล้ว

สายลมแรงพัดผ่านร่างที่นอนสลบไสล ปะทะช่วงขาขององค์เทวรูปดัง "ซู่ ซู่" เป็นระยะ
ภาพครั้งวัยเด็กกับเพื่อนๆ ที่ชื่อ oa, girlza, white ...,
และอีกหลายๆ คนที่เคยวิ่งเล่นซุกซนกลางท้องนาท้ายบ้าน แวบขึ้นไปมา
รอยยิ้มของแต่ละคนที่ย่องเบาเห็น ช่วยปัดเป่าความเหนื่อยล้าให้มลายหายไป
ย่องเบาลืมตาขึ้น.. แลเห็นร่างสตรีนางหนึ่งยืนอยู่ข้างๆ ในชุดเสื้อกระโปรงสายเดี่ยว สีขาวยาวถึงเข่า
แต้มด้วยดอกไม้สีเข้ม สวมรองเท้าส้นเตี้ยสีดำ

"องค์เทวรูป?" ย่องเบาหลุดปากเบาๆ
ไม่มีเสียงตอบจากสตรีนางนั้น เป็นเพียง "รอยยิ้ม" อ่อนหวานตอบรับว่าใช่
เธอผอมตัวเล็กบาง ผิวขาวเนียนกว่าที่เคยพบในความฝัน
เธอสวยราวกับนางฟ้า
คล้ายๆ กับนักร้องในรายการทีวีคนหนึ่ง ตอนที่ขึ้นเวทีแนะนำตัวแล้วร้องเพลง "นักร้องบ้านนอก"

2 คนมองตากันอยู่นาน จนในที่สุดย่องเบาส่งเสียงแตกพร่ากึ่งพูดกึ่งถาม
"ผมมาแล้ว ผมมาแล้ว?"
"ใช่ เธอมาแล้ว เรารู้ว่าเธอต้องมา เป็นเธอนี่เอง" เทวรูปยิ้ม นิ่ง
แล้วไม่นานร่างเทวรูปก็ค่อยๆ จางไปกับหมอกขาวที่ปกคลุมทั่วบริเวณ
"เดี่ยวก่อนๆ เทวรูป" ย่องเบาส่งเสียงร้องเรียก อีกมือหนึ่งล้วงเข้าไปในห่อผ้า
หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปโดยไม่ยั้ง
ลมพัดกรรโชกปะทะเข้าใส่มือย่องเบาที่อ่อนล้าโรยแรง
กล้องพลันร่วงหล่นพื้นแตกกระจาย!
ร่างเทวรูปอันตรธานหายไปจนหมดสิ้น
สายฟ้าผ่าฝนตกพรำ
โลหิตจากปลายจมูกไหลรวมกับน้ำตากลายเป็นสายธาราแห่งมายา
ย่องเบาเงยหน้าขึ้นฟ้า เห็นใบหน้าขององค์เทวรูปรางๆ
ไม่เกินไปจากที่ย่องเบาเคยคาดคิดเอาไว้
ย่องเบายิ้มรับกับโชคชะตาที่ตนเองลิขิต ที่อุตส่าห์ดั้นด้นมาจนถึงหมู่บ้านแห่งนี้
"ฉันคิดถึงเธอ oa, pn, girlza, mono, white, ดินสอ, .. กลับมาๆ
กลับมาช่วยกันเหมือนอย่างเคยนะ"
ย่องเบาคิดถึงเพื่อนอีกคนหนึ่งแล้วรำพึงว่า "สักวันหนึ่งเธอจะได้รู้เหมือนอย่างคนอื่นๆ
และเมื่อเธอรู้แล้ว ยังไงก็ขอให้รักเทวรูปองค์นี้ตลอดไปอย่างที่ผมรัก"
ย่องเบาคิดถึงชายคนหนึ่งซึ่งย่องเบาเคยพบเพียงแค่ครั้งเดียว แต่ท่านดีต่อย่องเบามากๆ ในคราวนั้น
แล้วพูดว่า "ท่านครับ ผมทำให้ท่านได้ดีที่สุดเพียงเท่านี้นะครับ"
สิ้นเสียง ชายเสื้อหม้อห้อมสีน้ำเงินเข้มสบัดกลุ่มโลหิตออกจากปาก
ทิ้งตัวแน่นิ่งหลังศีรษะกระแทกลงบนเท้าของเทวรูป!
ฝนหยุดตกกลายเกิดเป็นหมอกหนาคลุมทั่วบริเวณจนมองไม่เห็นร่างชายผู้นั้น
ยินเสียงเพลงผ่านสายลมมาเบาๆ ชวนสะท้อนอารมณ์บาดลึกอย่างช้าๆ..

"แสงนวลนวลชวนให้คนคลั่งไคล้ ดูเรืองวิไลแสงสุกใสนุ่มอ่อน
นี่หรือเขาเรียกว่าแสงนีออน ที่คนบ้านป่าผาดอนเข้ามานอนหลงแสง.."

จวบจนรุ่งเช้า ปรากฎเพียง "องค์เทวรูปพูดได้"
ยืนตระหง่านเป็นสง่าอยู่เพียงลำพัง..

โดย : บรรณารักษ์ [ 2006-10-07 17:24:16 ] 203.107.205.79 DELETE    แจ้งลบ

ความคิดเห็นที่ : 6



** "เทวรูปพูดได้ (7)" ..โดย : เจียระไน [ 06-10-2006 23:50:55 ] **
****************************************************************
..ชายร่างแคระนัยน์ตาโปนก้มๆ เงยๆ แล้วก็เหม่อลอยอยู่นานสองนาน
เดินไปมาสักระยะ แล้วก็ก้มๆ เงยๆ เหม่อลอยคล้ายมีสิ่งในใจที่ต้องครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา
ใกล้ๆ กับชายผู้นั้น เป็นร่างหญิงสาวนางหนึ่งนอนพิงกายอยู่บนเก้าอี้ยาว
สีหน้าของคนทั้งสองซีดขาวไม่สู้ดี
เลื่อนลอย : คุณหนูครับ หมู่บ้านเรานี้ชักจะเงียบเหงาจนจะกลายเป็นหมู่บ้านร้างแล้วนะครับ เราน่าจะ..
"ช่างเถอะ ปิดหมู่บ้านไปเลยก็ยิ่งดี" คุณหนูพูดตัดบทก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบ

เลื่อนลอยผู้คอยเฝ้าติดตามเทวรูปนางนี้ มาตั้งแต่ต้นจนกระทั่งบัดนี้ ก็เกือบจะ 3 ปีแล้ว
เดินเข้าไปในครัว สักพักก็ประคองชามใบหนึ่งออกมา
เลื่อนลอย : คุณหนูครับ ข้าวต้มปลาร้อนๆ สักชามนะครับ จะได้มีแรง
เทวรูปยิ้มบางๆ ก่อนจะรับชามข้าวต้ม
รับประทานไปได้ช้อนสองช้อน ก็ไอออกมาเพราะพิษไข้ที่ตากลมตามฝน
เทวรูป : (ไอค่อกๆ แค่กๆ) เราเองก็พยายามทำดีกับทุกคนแล้วนะ
แต่ทำไมถึงได้มีปัญหากันมากมาย
ไม่รู้ว่าพวกเค้าต้องการอะไรจากเรา?
เลื่อนลอยนิ่งฟังแต่ดวงตาเหม่อมองไปทางอื่น
เทวรูป : เราเองก็มีภาระอยู่มาก หลายๆ เรื่องก็ประดังกันเข้ามาจนเราชักจะทนไม่ไหว..
เลื่อนลอย : คุณหนูครับ ทานเสร็จแล้วทานยา แล้วพักผ่อนมากๆ นะครับ

เลื่อนลอยเดินออกจากที่พัก เงยหน้ามองขึ้นไปที่ใบหน้าองค์เทวรูปพูดได้ที่ตั้งตระหง่าน
สูงขึ้นไปด้านหลังเป็นดวงจันทร์ทอแสงเย็นตาอยู่เต็มดวง สวยจับใจ
เรื่องราวย้อนกลับไปเป็นช่วงๆ ทะยอยมาให้เห็นให้ได้ยินในหัว
ใบหน้าเดี๋ยวเปลี่ยนเป็นยิ้มเดี๋ยวเปลี่ยนเป็นเศร้าหมองสลับกันไป

"เลื่อนลอย ๆ" เสียงเทวรูปเรียกหาจากภายในที่พัก
เลื่อนลอยเดินกลับเข้าไป
เทวรูป : เราเห็นด้วยกับเธอ เราจะปรับปรุงซ่อมแซมองค์เทวรูปและเข้าเยี่ยมหาชาวบ้านด้วยตัวเอง
พรุ่งนี้เธอช่วยไปหายืมเครื่องไม้เครื่องมือจากหมู่บ้านอื่น
แล้วเรามาเจอกันที่นี่ตอน 2 ทุ่ม เราจะมาช่วยกันซ่อมแซมองค์เทวรูปด้วยกันนะ
เลื่อนลอย : ก็ดีสิครับ พรุ่งนี้ผมจะรีบเดินทางไปแต่เช้ามืดเลยครับ
บรรยากาศเงียบเหงาเย็นจับจิต มีแต่เสียงจั๊กจั่นเรไรดังสนั่นทั่วบริเวณ

อีกวันหนึ่งต่อมา ราว 2 ทุ่ม
เลื่อนลอยพร้อมเครื่องไม้เครื่องมือก็เดินทางกลับมายังที่ตั้งองค์เทวรูปพูดได้ ในสภาพที่อ่อนโรย
เลื่อนลอยยืนอยู่ที่นั้นเป็นนานสองนาน ก็ยังไร้เงาของเทวรูปที่นัดไว้นางนั้น..

อากาศหนาวเหน็บลงทุกขณะที่เวลาผ่านไป
พิษไข้และสุขภาพที่ทรุดโทรมรุมเร้าชายผู้นี้อย่างรุนแรง
เลื่อนลอยเงยหน้าชมใบหน้าองค์เทวรูปยามต้องแสงจันทราอีกครั้ง
เลื่อนลอย : ขอองค์เทวรูป ปกปักษ์รักษาคุณหนูของข้าพเจ้าด้วย..
คุณหนูครับ รักษาสุขภาพด้วยนะ โชคดีครับ

เสียงเพลงเบาๆ เพลงที่เลื่อนลอยเคยเปิดฟังบ่อยๆ แว่วมาอย่างช้าๆ..
"..ฉันนอนคอยคอยเขาก็ไม่มา นอนกินน้ำตาแสนเหว่หว้าเหนื่อยหน่าย
เจอะแสงนวลอ่อนนีออนฉันอาย ลาแล้วกรุงเทพใจร้าย อยู่ก็อายแสงนีออน.."

รุ่งสางของวันใหม่ จะอีกสักกี่คนที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
จะใช้ชีวิตและความรู้สึกของอีกสักกี่คนในปรากฎการณ์ "เทวรูปพูดได้"
..ไปดีนะ ผู้ชายชื่อ"เลื่อนลอย"

โดย : บรรณารักษ์ [ 2006-10-10 14:16:44 ] 203.107.205.114 DELETE    แจ้งลบ

ความคิดเห็นที่ : 7



@ หญิงสาวนางหนึ่งยืนเกาะระเบียงคอนโดมิเนียมสูง ณ.มุมหนึ่งของเมืองที่ได้ชื่อว่าเจริญไปด้วยแสงสี
และสถานที่วัตถุที่งดงามและเต็มไปด้วยตึกระฟ้าและผู้คนมากมายที่เต็มไปด้วยการแกร่งแย่ง ชิงดีชิงเด่นกัน
เธอได้ยินเสียงเพลงแว่วๆเล็ดลอดผ่านมาจากห้องอาหารใต้ตึกระฟ้าที่เธออาศัยอยู่
“ มองเห็นดวงดาวส่องอยู่เต็มฟ้า ลมหนาวโชยมายิ่งให้หนาวใจ ห่วงใยเธอเหลือเกิน คิดถึงจะขาดใจ
ไม่รู้ว่านานเพียงใดถึงจะพบกัน.....”

คืนนี้ดวงดาวทอแสงระยิบระยับเต็มท้องฟ้า..ดาวดวงหนึ่ง ส่องสว่างสุกใสเป็นประกายงดงาม
ลมหนาวพัดมากระทบผิวกายเธอเป็นระลอกๆ
“อ้า...คืนนี้น้องน้อยจะเป็นเช่นไร ยังเป็นเด็กดีเหมือนที่เคยสัญญาไว้อยู่หรือไม่”
หญิงสาวหวนระลึกถึง สาวน้อย ตาโต ขี้เล่น ...คนที่มักจะมาหาเธอบ่อยๆในความฝัน
จนบางครั้งเธอทึกทักเอาว่ามันเป็นความจริง

@ ณ.อีกฟากฟ้าหนึ่งซึ่งอยู่ไกลแสนไกลจากเมืองอันศิวิไลซ์ ลานกว้างหน้าเทวลัย
ซึ่งเมื่อก่อนเคยเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง และรกครึ้มไปด้วยวัชพืชและต้นไม้ระเกะระกะ
บัดนี้..ลานนั้นโล่งเตียน หญ้าที่ขึ้นถูกคัดเรียบและเขียวขจี ต้นไม้ใหญ่ยืนต้นร่มครึ้ม
แผ่กิ่งก้านอย่างเป็นระเบียบ
สายลมเย็นๆโชยพลิ้วผ่านมา
เทวรูปยังคงตั้งเป็นสง่าท่ามกลางความมืดมิดแห่งราตรีกาล
แสงจันทร์ที่ส่องนวลๆสาดส่องพอให้เห็นร่องรอยของการถูกของมีคมกรีดลึก
จนทำให้เนื้อปูนสำริดสีขาวนวลกะเทาะออกมา
“อ้า!! เกิดอะไรขึ้นกับเทวรูปองค์นี้” ผู้คนมากมายที่ผ่านเข้ามาเกิดความฉงนสงสัยขึ้นในใจ

ย้อนหลังเหตุการณ์ในราตรีกาลของค่ำคืนหลัง ท่ามกลางความเงียบสงัด หญิงวัยกลางคนๆหนึ่ง
มุ่งหน้าเดินทางเข้ามาด้วยสีหน้าที่บึ้งตึง และอารมณ์ฉุนเฉียว อย่างสุดขีด
“ เทวรูปเจ้าชั่วร้ายยิ่งนัก…เสียแรงที่รักและศรัทธามายาวนาน...” เธอส่งเสียงด่าทออย่างหยาบคาย
พร้อมกันนั้นเธอก็ใช้ท่อนเหล็กทุบตีเทวรูปอย่างสุดแรงเกิด
พร้อมกับใช้มีดแหลมกรีดลงไปบนเนื้อปูนปั้นขององค์เทวรูป
เทวรูปเองยังยืนตระหง่านไม่ไหวติงต่อคำด่าและการทุบตี

เมื่อด่าทอทุบตีจนหนำใจแล้ว เธอก็เดินจากไปทิ้งไว้แต่ร่องรอยแห่งความโกรธแค้นเอาไว้
ให้อาคันตุกะที่มาเยือนในวันต่อมาเกิดความงุนงง สงสัย แต่ก็ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เทวรูปก็ยังเป็นเทวรูปที่ไม่เคยเอื้อนเอ่ยวาจาใดๆออกมาเฉกเช่นอตีดที่ผ่านมา

@ เช้าตรู่ของอีกฟากฟ้าหนึ่ง แสงทองของวันใหม่กำลังเริ่มขึ้น
บนถนนเต็มไปด้วยรถราที่วิ่งกันขวักไขว่ตั้งแต่พระอาทิตย์ยังโผล่ไม่พ้นยอดตึกระฟ้า
ชายชราผู้หนึ่งถือซองจดหมายสีขาวฉบับเล็กๆไว้ในมือ
เดินมุ่งหน้าเข้ามาสู่ห้องโถงข้างล่างของตัวตึกที่ซึ่งใช้เป็นที่รับรองผู้ที่มาพบปะผู้ที่อาศัยในตึกสูงร
ะฟ้าแห่งนี้

เขาเดินมุ่งหน้าไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์พร้อมกับยื่นซองสีขาวในมือให้กับเจ้าหน้าที่
พร้อมแล้วเจรจาอะไรสักอย่างกับเจ้าที่ เจ้าหน้าที่พยักหน้าเป็นการตอบรับ
สักครู่ชายชราคนนั้นก็เดินออกจากห้องโถง แล้วเดินขึ้นแท็กซี่หายลับตาไป

ณ.ห้องพักบนคอนโดมิเนียมสูงระฟ้า หญิงสาวคนหนึ่งแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่เรียบง่าย ดูดี
กำลังเพ่งพินิจสำรวจความพร้อมในกระจก ก่อนที่จะออกไปทำงานในตอนเช้า
ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก…
" เอ๊ะ ! ใครมาแต่เช้า " เธอคิด พร้อมกับเดินไปสอดส่องสายตาผ่านช่องกระจกเล็กๆที่ประตู
เห็นเป็นแม่บ้านประจำตึกที่คุ้ยเคยเป็นอย่างดียืนรออยู่หน้าประตู เธอจึงเปิดประดูออกรับ
" มีอะไรจ๊ะ " หญิงสาวเอ่ยถาม
"มีคนฝากจดหมายมาให้คุณค่ะ" แม่บ้านที่ประจำตึกสูงบอก พร้อมกับยื่นซองจดหมายสีขาวให้เธอ
"รู้ไหม?..ว่าใครฝากมา"
"หนูเห็นแค่หลังไวๆ เป็นผู้ชายแก่ๆ หัวกลมๆเขามาฝากไว้ที่เคาน์เตอร์ข้างล่างค่ะ" แม่บ้านตอบ
"อืม...ขอบใจมากๆจ๊ะ" หญิงสาวพอจะคาดเดาได้ว่าชายผู้นั้นเป็นใคร
แม่บ้านประจำตึกเดินจากไป…
เธอปิดประตูแล้วเดินกลับมานั่งลงบนเก้าอี๊หน้าโต๊ะเล็กๆที่เธอมักจะใช้เป็นโต๊ะเอนกประสงค์
พร้อมกับหยิบกรรไกรออกมาจากกล่องใส่เครื่องเขียน ค่อยๆบรรจงตัดซองจดหมายออก
เธอพบกระดาษแผ่นเล็กๆพร้อมข้อความสั้นๆที่เขียนด้วยลายมือบรรจง หนักแน่น และมั่นคง
เธอตั้งใจอ่านข้อความสั้นๆนั้น แล้วมาสะดุดตรงประโยคที่ว่า "หลานสาวรักคุณมากๆนะ"
เป็นประโยคที่ทำให้เธออ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก เธอรู้สึกฉงนกับประโยคนี้มากๆ
"..เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นระหว่างชายชรา กับหลานสาวตัวน้อยของเขา
อะไรคือแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาส่งข้อความ และประโยคนี้มา แล้วคนเขียนต้องการบอกอะไร.???."
เธอคิดๆๆๆๆ แต่ก็ไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้

เธอตัดสินใจเปิดกระเป๋า พร้อมกับเลื่อน Computer notebookออกมาจากกระเป๋า เปิดเครื่อง
สักพักเธอลงมือพิมพ์ข้อความเพื่อส่งE-mailถึงเพื่อนเก่าคนหนึ่งที่เคยวิ่งเล่นด้วยกันมาสมัยเป็นเด็กๆ

เลื่อนลอย...เพื่อนรัก
ขอบคุณและยินดีเป็นอย่างยิ่ง สำหรับความรู้สึกดีๆของคนๆหนึ่งที่เธอกรุณานำมาบอกกล่าว
รับทราบและรับรู้ด้วยใจมาตลอดว่าหลานสาวของเธอรู้สึกเช่นไรกับพี่สาวคนนี้....

ความรักงดงามเสมอ
ถ้ารักนั้นเต็มไปด้วยความ ห่วงใย อาทร และปารถนาดีให้แก่กันและกัน
รักไม่จำเป็นต้องได้รับความรักตอบ
รักไม่จำเป็นต้องครอบครอง
ถ้าเราจะรักใครสักคน
ให้รักเขาด้วยความบริสุทธิ์ใจ
รักโดยไม่มิเจตนาแอบแฝงใดๆ
แล้วเมื่อนั้น...เราจะได้ความรักกลับคืนมาโดยที่เราเองไม่ต้องเรียกร้อง

ความรักได้มาอย่างยากลำบาก
แต่การรักษาความรัก..ให้คงอยู่นั้นลำบากยิ่งกว่า
เพราะฉะนั้น..ถ้าใครได้มาแล้ว
ก็จงรักษาทะนุถนอมและเห็นคุณค่าของความรักไว้ให้มากๆ

ถ้าเธอยังจำกระทู้เรื่องระยะห่างได้
ก็จะรู้ว่าระยะห่างที่พอดิบพอดี
จะทำให้คนสองคนรู้ซึ้งถึงคุณค่าของกันและกัน

เลื่อนลอย..เธอยังจำองค์เทวรูปพูดได้ ที่เราเคยเดินทางไปเยี่ยมกันบ่อยๆได้ใช่ไหม?
ทุกครั้งที่ฉันได้ไปยืนอยู่ต่อหน้าเทวรูป
ฉันตั้งจิตอธิฐานถึงท่านเสมอว่า...ขอให้องค์เทวรูปเผื่อแผ่ความรัก ความเมตตาให้แก่ทุกๆคนที่
ดั้นด้นเดินทางมา ณ.หมู่บ้านแห่งนี้
ฉันปารถนาให้ทุกๆคน รักและศรัทธา ในองค์เทวรูปด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์
รักโดยไม่ต้องเรียกร้อง หรือมีเจตนาอื่นแอบแฝง

..เพราะฉันเชื่อว่าความรักที่มีแต่คำว่าให้...รักนั้นจะสะท้อนกลับมาหาเราเอง...โดยไม่ต้องเรียกร้อง...”

รักเธอเสมอ
winny

โดย : พี่ฉาย [ 2007-01-30 19:57:05 ] 10.122.7.245 DELETE    แจ้งลบ

ความคิดเห็นที่ : 8



** "เทวรูปพูดได้ (9)" ..โดย : ... [ 2007-01-31 17:43:04 ] **
****************************************************************
บนระเบียงของตึกระฟ้า ใจกลางเมืองใหญ่ หญิงสาวนางหนึ่งนอนเอกเขนกบนเก้าอี๊ผ้าใบ
ข้างลำตัวมีหนังสือเล่มหนาหลากหลายชนิดวางกองไว้บนโต๊ะพลาสติกสีขาว
แก้วกาแฟสีขาวที่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวเพิ่งจิบ กาแฟหอมกลุ่นนั้นไปได้นิดเดียว
ถูกวางไว้ใกล้ๆกองหนังสือเช่นกัน

เธอยิ้มนิดๆที่มุมปาก ใบหน้าของเธออาบไปด้วยความสุขเล็กๆ
ดูเหมือนว่าเธอกำลังส่งสายตามองออกไปบนฟ้ากว้าง
เหมอมองดวงดาวเล็กๆดวงหนึ่งที่กำลังส่องแสงระยิบอยู่บนท้องฟ้าในยามคืนข้างขึ้น
“ คืนนี้พระจันทร์ยิ้ม...ยิ้มสวยจริงๆ “ เธอคิดในใจ

“ ยืนอยู่หลังไมค์ แสงไฟส่องหน้าเพราะจน ร้องเพลงกล่อมคนหนีเมียมาเที่ยว น้ำหอมน้ำเหล้า
เคล้าควันบุหรี่
พร้อมไฟแสงสีบรรเลง คนหัวใจเปลี่ยวนั่งมองทุกวัน “
ลมหนาวพัดพาเอาเสียงเพลงจากนักร้องในสวนอาหารเล็กๆที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามคอนโดมิเนี่ยมสูงที่เธออาศัยอยู

่เข้ามาแว่วๆ

ภาพในวัยเยาว์ผุดขึ้นมาในความทรงจำ เธอหวนคิดถึงเพื่อนๆที่เคยวิ่งเล่นกันในผืนนาที่กว้างใหญ่ไพศาล
ที่นั่นเต็มไปด้วยความสุข ความอบอุ่น และกลิ่นไอแห่งมิตรภาพยังไม่เคยลบเลือนไปจากใจ

กระท่อมเล็กๆท้ายนา คือที่ๆพวกเขาและเธอใช้เป็นที่เล่นที่พักพิง
ใช้เป็นที่แบ่งบันรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
เลื่อนลอย , oshi ,ไวท์ , เอาะ และใครต่อใครอีกหลายคน วิ่งวนเขามาในห้วงคำนึงของเธอ “ พวกเธออยู่ไหน
ในตอนนี้ “

และภาพสุดท้ายที่ดูเหมือนจะเด่นชัดในความรู้สึกของเธอก็คือ
ภาพของหมู่บ้านเล็กๆซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกระท่อมท้ายนาสักเท่าไหร่ ที่นั้นเป็นที่ตั้งของเทวรูป
ซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีผู้คนมากมายหลั่งไหลเขามาสักการะ กราบไหว้ เพราะเสียงร่ำลือในความศักดิ์สิทธิ์

ครั้งสุดท้ายที่เธอแวะเข้าไปเยือนที่นั้น เทวาลัยกว้างใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหลังองค์เทวรูป
มันถูกปิดตายไปแล้ว....ใช่..เธอเป็นคนปิดประตูและล๊อคกุญแจด้วยมือเธอเอง ด้วยเหตุผลเพียงอย่างเดียวคือ
“ รัก “

ย้อนกลับไปในค่ำคืนหนึ่ง ท่ามกลางลมหนาวและความเงียบสงัด
ขณะที่เธอกำลังหลับใหลอยู่ภายใต้ที่นอนนุ่มและผ้าห่มอุ่น พลันใดนั้นเธอได้ยินเสียงเรียกขาน
และเสียงสะอื้นไห้ลอยมาจากที่ไกลๆ เธอไม่ออกบอกได้ว่านั่นเป็นความฝันหรือความจริง
แต่ที่เด่นชัดและจำได้แม่นยำคือ เสียงนั้นเป็นเสียงขององค์เทวรูป
“ ช่วยปิดประตูเทวลัยเถอะ ...ช่วยปิดประตูเทวลัยให้เราด้วย “ น้ำเสียงฟังแล้วน่าเวทนายิ่งนัก
“ นะ เราขอร้อง เรารับอะไรไม่ไหวแล้วจริงๆ “ เสียงสะอื้นไห้และคร่ำครวญขององเทารูป
บาดลึกเข้าไปในหัวใจเสียยิ่งนัก
“ ท่านพอจะบอกเราได้ไหม?ว่าเพราะเหตุใด” หญิงสาวเอ่ยถาม
“ เราจะทนไม่ไหวแล้ว เรารับการทุบตี ทำร้าย ว่ากล่าว จากคนที่เกลียดชังเราไม่ไหวแล้วจริงๆ” เทวรูปกล่าว
“ ถ้าท่าน รักเรา ได้โปรดปิดเทวลัยเถอะ” นี่คือประโยคสุดท้าย แล้วองเทวรูปก็เลือนหายไป
หญิงสาวสะดุ้งตื่นขึ้นมา ....คิดทบทวนถึงความฝันครั้งแล้วครั้งเล่า
ความรู้สึกหลากหลายประเดประดังเข้ามา

“ เธอควรจะทำเช่นไรเล่า “ เธอเดินวนเวียนอยู่ภายในห้องสี่เหลี่ยมบนตึกสูงนานนับชั่วโมง
“ ตกลง เราจะทำตามที่ท่านร้องขอ” เธอตัดสินใจ

ในรุ่งสางของวันถัดมา
ณ.ลานกว้างหน้าเทวลัย ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ บรรยากาศโดยรอบดูสะอาดสะอ้านและสงบร่มรื่น
หญิงสาวร่างเล็กคนหนึ่ง ยื่นสงบนิ่งอยู่ตรงหน้าเทวรูป เธอพูดกับเทวรูปเบาๆ
“ เราจะทำเพื่อท่าน ถึงแม้เราจะรักที่นี่มากเพียงใดก็ตาม แต่เพื่อท่านเราทำได้ทุกอย่าง ”

พุดเสร็จ เธอเดินมุ่งหน้าไปสู่ทางขึ้นเทวลัย
ประตูถูกปิดลง ณ.เวลานั้น
ลูกกุญแจเล็กๆดอกหนึ่งถูกซ่อนไว้ใต้ฐานเทวรูป ก่อนที่เธอจะเดินหันหลังจากมา

ที่แห่งนี้จะมีผู้ใดหนอ?มาค้นพบลูกกุญแจที่ซ่อนไว้
จะมีผู้ใดหนอมาเปิดประตูแห่งเทวลัยนี้อีก
ฤา..เทวลัยแห่งนี้จะถูกปิดตายไปชั่วนิรันดร์กาล
เธอเองก็มิอาจรู้ได้.....

โดย : บรรณารักษ์ [ 2007-05-26 23:54:10 ] 58.8.153.38 DELETE    แจ้งลบ

ความคิดเห็นที่ : 9



** "เทวรูปพูดได้ (10)" ..โดย : ... [ 2007-02-08 20:49:34 ] **
****************************************************************
ในพับเล็กๆแห่งหนึ่งใจกลางเมืองใหญ่ ชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานนั่งจิบเบียร์เย็นๆดูท่าทางสบายอกสบายใจ
บนเวทีเบื้องหน้ามีนักร้องหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันขึ้นร้องเพลงขับกล่อมแขกผู้มาเที่ยวอย่างต่อเนื่อง

ณ.ประตูทางเข้า ชายหนุ่ม 2 คนปรากฏตัวขึ้น คนหนึ่งผิวขาว สวมแว่นสายตาอายุประมาณ 30 ปลายๆ
สวมเสิ้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้า ผูกเนคไทสีเหลืองนวล สวมกางเกงสเลคสีดำ
ส่วนชายที่เดินตามมาติดๆเป็นชายผิวสีแทน สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว กระดุมเม็ดบนถูกปลดออก 1เม็ด
แขนเสื้อถูกถลกขึ้นเหนือศอกสวมกางเองยีนส์สีซีดตามสมัยนิยม ชายทั้งสองคนเดินตรงมาที่โต๊ะ
ของชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว
“ สวัสดีครับคุณอาคม” ชายสวมเสื้อสีฟ้ายกเมื่อไหว้ชายที่นั่งจิบเบียร์เย็นๆรออยู่ก่อนแล้ว
“ สวัสดีคุณกอบกุล เชิญๆ เชิญนั่ง” ขอบคุณครับ ชายผู้มาใหม่กล่าวตอบ
พร้อมกับผายมือไปยังผู้ชายร่างสันทัดผิดสีแทนที่เดินตามเข้ามา
“ ผมขอแนะนำ นี่คุณกิติ เป็นเจ้าของแกลลอรี่ อยู่แถวๆสีลม”
พร้อมกันนั้นก็หันไปพูดกับชายที่เดินเข้ามาพร้อมกัน
“ นี่คุณอาคม ที่ผมเคยเล่าให้ฟังว่าท่านชอบสะสมวัตถุโบราณ”
“ สวัสดีครับท่าน ยินดีที่ได้รู้จักท่านจริงๆ” ชายผู้มาใหม่กล่าว
“ อ๋อ...คุณกิติที่ ท่านสุเวช รัฐมนตรีช่วย เคยพูดถึง ใช่หรือเปล่า?”
“ ใช่ครับท่าน รายนั้นชอบให้ชอบหาเทวรูปสวยๆใหม่ๆให้ประจำ
เนี้ยเมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมก็เพิ่งส่งไปให้ที่บ้านองค์หนึ่ง องค์นั้นได้มาจากทางเหนือ
เห็นร่ำลือกันว่าศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องของความงาม “
“ อืม..” ชายที่ชื่ออาคมนิ่งคิด
“ สมัยนี้เขานิยมสะสมเทวรูปกันครับท่าน ยิ่งมีหลายๆองค์ ก็ยิ่งเสริมบารมี” ชายที่ชื่อกอบกุลเอ่ยขึ้น
“ ก็จริงนะคุณกอบกุล”
“ ถ้าท่านสนใจ เมื่อวานผมเพิ่งได้มาใหม่องค์หนึ่ง พ่อค้าแถวๆอิสานเอามาเสนอขายให้
เห็นว่าท่านชอบฟังเพลงก็เลยอยากเสนอองค์นี้ให้ เพราะร่ำลือกันว่ามีอิทธิฤทธิ์ทางด้านเสียงเพลง
ใครได้ครอบครองและได้ฟังเสียงขับขานจากองค์นี้แล้วจะมีความสุขกายสุขใจยิ่งนัก
ชาวบ้านแถบๆนั้นให้ความนับถือและศรัทธามากๆ หล่อด้วยสำริดเนื้อบริสุทธิ์มากครับท่าน”
“จริงเหรอ..โอว...สุดยอดไปเลย” ชายที่ชื่ออาคมกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“พรุ่งนี้เช้าให้คนนำมาส่งที่บ้านผมได้เลย กำลังจะหาองค์ใหม่เพิ่มพอดี องค์เดิมที่มีอยู่ เริ่มชำรุด
และเนื้อโลหะเริ่มหมองลงทุกวัน ผมว่าจะขายต่อในราคาถูกๆทีเดียว”
“ครับท่าน สำหรับองค์เดิมขายต่อให้ผมก็ได้ เผื่อมีคนสนใจราคาถูกๆผมจะได้นำเสนอต่อ” ชายเจ้าของแกลลอรี
กล่าว “ พรุ่งนี้เช้าท่านรอรับองค์ใหม่ได้เลยครับผม”
“ เออ กอบกุล” หันไปทางชายเสื้อสีฟ้า “พรุ่งนี้คุณให้เลขาผมจัดการเรื่องเช็คให้คุณกิติด้วยน่ะ”
“ ครับผม” กอบกุลตอบรับ

แล้วการสนทนาดำเนินไปเรื่อยๆท่ามกลางเสียงเพลง ฟองเบียร์และควันบุหรี่ ตลอดราตรีกาลในคืนนั้น

คฤหาสน์ทรงยุโรปหลังใหญ่สีขาวตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางสนามหญ้าสีเขียวขจีบนเนื้อที่เกือบ5ไร่
บริเวณรอบๆบ้านถูกตกแต่งไปด้วยสวนย่อมและไม้ดอกไม้ประดับหลากสี
ทางเดินเข้าสู่ตัวบ้านปูด้วยกระเบื้องเนื้อดี ทอดยาวเข้าสู่ตัวบ้าน
ลานน้ำพุขนาดใหญ่ปล่อยสายน้ำพุ่งออกมาจากปลายท่อตัดกับแสงแดดยามเช้า ดูอบอุ่นยิ่งนัก
ชายวัยกลางคนฐานะภูมิฐานคนหนึ่งยืนกอดอก สายตาทอดมองไปยังวัตถุโบราณชิ้นใหม่ซึ่งเขาเพิ่งได้มา
หลังจากที่เจรจากับพรรคพวกในสถานบันเทิงเมื่อตอนค่ำคืนที่ผ่านมา

ย้อนกลับไปในคืนข้างแรม เมื่อ 2เดือนที่ผ่านมา
รถบรรทุกคันใหญ่พร้อมชายฉกรรจ์ 5คน กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่หมู่บ้าน
ซึ่งเป็นที่ตั้งขององค์เทวรูปศักดิ์สิทธิ์ ท่ามกลางความเงียบงันในคืนนั้น ไม่มีใครทราบว่าเกิดอะไรขึ้น
ณ.เทวลัยแห่งนั้น

“เทวรูป ถูกเคลื่อนย้ายไปแล้ว” นั่นคือเสียงโจษจันของเช้าบ้าน “ เทวรูปหายไปไหน” ไม่มีใครทราบได้

“ ยายแก่ตาบอด ท่านจะรู้บ้างไหม?..แม้ท่านจะยอมเสียสละชีวิตเพื่อปกป้องสิ่งที่ท่านรัก
แต่ท้ายที่สุดแล้ว ความรัก ความศรัทธาของท่านก็มิอาจต้านทานอำนาจเงินได้”

ไม่มีใครจะบอกได้ว่า เทวรูปองค์นั้นจะถูกขายทอดไปที่ใดบ้าง...จะผ่านมือพ่อค้า
และผู้ครอบครองอีกสักเท่าไหร่ และ..สุดท้ายจะถูกทิ้งไว้ ณ.ที่แห่งใด?

มีใครสักคนไหม?ที่จะเห็นคุณค่าและเนื้อแท้แห่งสำริด แล้วนำไปประดับ ยกย่อง
ดูแลและทนุถนอมด้วยความรักความศรัทธาเหมือนยายแก่ตาบอด และชาวบ้านอีกหลายๆคนที่เคยดั้นด้นเดินทางมา
ณ.หมู่บ้านแห่งนี้..

ไม่มีใครรู้ได้จริงๆ

นับจากนี้ไปเทวะสถานแห่งนี้จะเหลือแต่เทวลัยที่ถูกปิดตายตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางความเงียบงันและเปลี่ยว

ดาย ไร้ร้างซึ่งผู้คน
นับจากนี้ไปจะเหลือไว้ซึ่งคำเล่าขาน ถึงความศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น


อำนาจแห่งเงินตรา สามารถบันดาลได้ทุกอย่างจริงๆ ความโลภ กิเลส ตัณหา และความไม่รู้จักพอ จะนำพาตัวเอง
และคนใกล้ชิด เดินไปสู่หนทางแห่งความมืดมนในที่สุด

โดย : บรรณารักษ์ [ 2007-05-26 23:57:52 ] 58.8.153.38 DELETE    แจ้งลบ

ความคิดเห็นที่ : 10



** "เทวรูปพูดได้ (11)" ..โดย : เจียระไน [ 2007-02-28 05:01:46 ] **
****************************************************************
"ผู้หญิงก็เป็นผู้หญิง"
เสียงสูงต่ำย้ำเป็นจังหวะครวญครางออกจากปากคนผู้หนึ่ง
"ผู้ชายก็เป็นผู้ชายวันยันค่ำ"
เสียงคนเดิม แหบกร้านยากจะจำแนกว่าผู้พูดเป็นชายหรือหญิง
นอกจากบ่งบอกได้ถึงอายุที่ใกล้ฝั่ง
"คนจนก็อยากรวยกันทุกคน เฮ้อ.."
"ความดี กับ เงินตรา มันก็มักสวนทางกันอยู่เรื่อย"
ผู้เฒ่าค่อยๆ ค้ำยันไม้เท้าคู่ใจประคองตัวลงนั่งใต้ต้นไม้ใหญ่บนเขาสูง ข้างเทวะสถาน
เด็กน้อยข้างๆ จ้องมองด้วยใบหน้าฉงน

เด็กน้อย: อาจารย์บ่นอะไรหรอ
ผู้เฒ่า: ข้าเห็นเทวะสถานข้างหน้านั่นแล้วข้าก็ปลงอนิจจัง
เด็กน้อย: อาจารย์รู้เรื่องเกี่ยวกับเทวะสถาน..
"ข้ารู้ทุกอย่างแหละ" ผู้เฒ่าส่งเสียงก่อนที่เด็กน้อยจะพูดจบ
"เรื่องมันยาว ไม่จบลงง่ายๆ หรอก นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น"
เด็กน้อยขมวดคิ้วชนกันหนักขึ้นกว่าเดิม

"เจ้าดูโน่นสิ" ผู้เฒ่ายกมือชี้ไปที่ก้อนหินใหญ่ภายในเทวะสถาน มองเห็นได้ไกลลิบ
"ตรงนั้น ตรงนั้นเคยเป็นที่ตั้งองค์เทวรูปที่สวยที่สุด"
เด็กน้อย: แล้วมันหายไปไหน
ผู้เฒ่า: ข้าจะไปรู้เรอะ
เด็กน้อย: เอ๋า
ผู้เฒ่า: ข้าไม่สนใจหรอกว่าเทวรูปจะไปอยู่ที่ไหน แต่เจ้าเชื่อข้าเหอะ
เทวรูปจะต้องกลับมาสวยเด่นเป็นสง่าตั้งอยู่ที่เดิมอยู่ตรงนั้นอีก
เด็กน้อย: เค้าจะเอามาคืนหรอ อาจารย์รู้ได้ยังไง
"เหอะน่า" ผู้เฒ่าหงุดหงิดนิดๆ กับคำถามของเด็กน้อย

สองมือยึดไม้เท้าไว้แน่น พยุงตัวลุกขึ้น
นัยน์ตาทอดมองตรงไปยังเหนือหินก้อนนั้นราวกับมีองค์เทวรูปตั้งอยู่ตรงหน้า
ผู้เฒ่า: เจ้าจำไว้นะ ของบางอย่างเก็บไว้ในบ้าน มันไม่สวยเท่ากับที่ๆ มันเคยอยู่
เสียงผู้เฒ่าขาดหายไประยะหนึ่ง
แล้วรำพึงออกมาเบาๆ ว่า " เ ท ว รู ป, เ จ้ า ก็ รู้ "

ผู้เฒ่าพาเด็กน้อยเดินลงจากเขาลับตาไปในธรรมชาติอันสวยงาม

โดย : บรรณารักษ์ [ 2007-05-27 00:00:01 ] 58.8.153.38 DELETE    แจ้งลบ

ความคิดเห็นที่ : 11



** "เทวรูปพูดได้ (12)" ..โดย : ... [ 2007-03-02 00:59:07 ] **
****************************************************************
เทวาลัยสีชมพูหลังใหญ่ ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางแมกไม้ใหญ่ที่ปกคุมอาณาบริเวณให้ดูร่มครึ้มน่าอยู่
บริเวณโดยรอบมีแปลงไม้ดอกสวยงามปลูกประดับและกำลังออกดอกบานสะพรั่งหลากสีสันสลับกัน
ทำให้บริเวณนั้นสดใสน่าอยู่
ลานโล่งกว้างหน้าเทวลัยถูกปูด้วยหินอ่อนเนื้อดี สีขาวนวล ซึ่งถูกสั่งตรงมาจากประเทศอิตาลี
สะอาดสะอ้านและสบายตายิ่งนัก

ประตูเทวาลัยเปิดกว้างคอยรับแขกผู้ทยอยมาเยือนอย่างไม่ขาดระยะ ห้องโถงใหญ่ถูกปัดกวาด
ดูแลเช็ดถูเป็นอย่างดี
ฐานปูนปั้นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ซึ่งแต่ก่อนเคนเป็นที่ตั้งขององค์เทวรูปประจำเทวาลัยแห่งนี้ยังคงมีกา

รดูแล และถูกประดับไปด้วยหินสีและแผ่นแก้วประดับเล่นแสงไฟงดงาม
ใกล้ๆฐานเทวรูปที่ว่างเปล่า สุนัขขนปุยสีขาว นอนหมอบอยู่ใกล้ๆฐานเทวรูป
หันหน้าและเพ่งมองออกไปทางประตูทางเข้า เหมือนจะรอคอยการกลีบมาของใครบางคนหรื่อรออะไรบางอย่าง
“ ไง ดู๊ป ดู๊ป ” เสียงหญิงสาวนางหนึ่งเอ่ยทักเจ้าสุนัขตัวน้อยที่นอนหมอบอยู่
พอได้ยินเสียงเรียก เจ้าหมาน้อยก็ลุกวิ่งเข้าไปหาหญิงสาวผู้มาเยือนด้วยท่าทางที่ดีใจเป็นยิ่งนัก
และส่ายสายสายตามองหาอะไรบางอย่าง
“ หาเทวรูปหรือ ฮึ” พูดพรางก้มลงลูบหัว แล้วกอดเจ้าตัวน้อยอย่างรักใคร่สนิทกันเป็นอย่างดี
เจ้าหมาน้อยกระดิกหางรับ เหมือนจะเข้าใจและตอบรับคำถามนั้น
“อีกไม่นานหรอก ดู๊ป ดู๊ป พี่สาวเจ้า เอ้อ..เทวรูปที่เจ้าเฝ้ารอจะกลับมาประดับอยู่ ณ.ที่นี่...รอน่ะ”
หญิงสาวเอ่ยบอกกับสุนัขตัวน้อยที่เฝ้ารอการกลับมาของเทวรูปอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
“สวัสดีครับคุณวินนี่” เสียงชายคนหนึ่งเอ่ยทักมาแต่ไกล
“สวัสดีค่ะ คุณพรเทพ” หญิงสาวเอ่ยตอบ
“มาถึงนานแล้วหรือครับ”
“ สักครู่นี่เองค่ะ ” “ อืม..ไม่ได้มาเสียหลายหลานเดือน ไม่น่าเชื่อว่าเทวลัยที่ถูกปิดตายไปแล้ว
เก่าและทรุดโทรมมากๆ จะกลับมาดูสดใสงดงามขึ้น เยี่ยมจริงๆค่ะ ”
“ ครับผม หลังจากที่คุณวินนี่กรุณาบริจาคที่ดินผืนนี้
พร้อมกับอนุญาตให้ทางกรมศิลปกรเข้ามาฟื้นฟูบูรณะสถานที่แห่งนี้ ท่านอธิบดีฯ
ได้มอบหมายงานให้ผมมารับผิดชอบบูรณะที่นี่ ผมดีใจจริงๆครับที่คุณวินนี่ชอบ ”
“ ขอบคุณจริงๆค่ะ ที่กรุณารักษาฐานที่ตั้งองค์เทวรูปไว้ให้ และไม่เคลื่อนย้ายไปไว้ที่อื่น ”
หญิงสาวกล่าวตอบพร้อมกับก้มลงไปลูบคลำฐานเทวรูป เหมือนกับว่าเธอกำลังระลึกถึงอะไรสักอย่าง
“ ทางเราได้หาหินสี และแก้วสีมาประดับตกแต่งทับรอยกะเทาะของปูนไว้ให้ ครับผม ”
ชายหนุ่มพูดพลางเปรยสายตาไปยังบริเวณที่ตั้งเทวรูปเดิม
“และต้องขอบคุณ ที่กรุณาดูแลเจ้า ดู๊ป ดู๊ป”
“ มันน่ารักมากๆครับ และดูเหมือนมันจะรอคอยการกลับมาของเทวรูปอยู่ทุกวันนะครับ ”
“ ใช่ค่ะ มันรักเทวรูป ดิฉันเคยจะพามันไปอยู่ด้วย แต่มันไม่ยอมไป ก็เลยต้องปล่อยมันไว้ที่นี่
และดูเหมือนว่าจะมีความสุขที่ได้รอคอย ”
“ จริงๆแล้วดิฉันเองก็รออยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเช่นกัน หวังว่าสักวันหนึ่ง...เทวรูปองค์สวย ที่พวกเรารัก
และศรัทธาจะกลับมาอยู่ ณ.ที่ที่ควรอยู่..ก็คือที่นี่ ”
“ผมจะดูแลที่แห่งนี้ให้ดีที่สุดครับ และหวังว่าห้องนี้จะเป็นที่ตั้งองค์เทวรูปที่สวยที่สุด
และถ้าวันนั้นมาถึง คุณเชื่อไหมว่าที่ๆแห่งนี้จะงดงาม และไม่เงียบเหงาเหมือนทุกวันนี้”
หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ พร้อมกับพึมพรำเบาๆว่า “วันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่ ใครจะเป็นคนนำเทวรูปกลับคืนมา
และจะได้มาด้วยวิธีไหน..”

............ด้วยอำนาจแห่งความรัก หรือเงินตรา.......ไม่มีใครรู้ได้จริงๆ

โดย : บรรณารักษ์ [ 2007-05-27 00:01:59 ] 58.8.153.38 DELETE    แจ้งลบ

ความคิดเห็นที่ : 12

คัดย้ายความคิดเห็นที่ : 12 เดิม ..โดยบทอวสาน ไปที่
http://www.212cafe.com/boardvip/view.php?user=earnny&id=108
หากเห็นสมควรว่านำมาวางไว้แบบเดิม ก็ยินดี ไม่ขัดข้อง

โดย : The Legend [ 2008-02-28 23:28:41 ] 58.8.157.199 DELETE    แจ้งลบ

ความคิดเห็นที่ : 13

ค่ำคืนด้านหน้าประตูทางเข้าหมู่บ้าน "เทวรูปพูดได้"
ปรากฎกายผู้เฒ่าสองมือยึดไม้เท้าไว้แน่นโดดเด่นเป็นลำพัง
ด้านหลังเป็นแสงรุ้งสลับสีบ่งบอกถึงงานรื่นเริงภายในหมู่บ้าน
"555 ข้าบอกแล้วว่า เ ท ว รู ป เจ้าต้องมา"
ผู้เฒ่าแหงนหน้าขึ้นฟ้าอาบแสงดาวระยิบระยับสว่างไสวชวนมองเต็มท้องฟ้า

ไม่ทันคำอื่นจะเอ่ยออกจากปาก ลมเย็นยะเยือกพัดผ่านร่างต่อเนื่อง จนรู้สึกได้ถึงผู้หนึ่งกำลังมา..
ผู้เฒ่าขยับจับไม้เท้าหนีบเข้าข้างกาย สองแขนยกมือขึ้นลงไปมา พร้อมกับส่งเสียงตะโกนไปด้านหน้า
"พี่ใหญ่ ข้าบอกแล้วไง
ลูกท่านออกอัลบั้มเดี่ยวแล้ว เพลงเพราะด้วย ข้าบอกท่านแล้วไง กลับไปสวรรค์ได้แล้ว!"
เพียงหายใจเดียว ลมพัดศอกก็หยุดนิ่ง ราวกับพอใจในคำตอบแล้วจากไปในทันที

ผู้เฒ่าแย้มยิ้มก่อนก้มกายซ่อนคิ้ว..ในความมืด
เสียงเพลง "คนในหางตา" ได้ยินจากในหมู่บ้านจางหายไปตามระยะย่างก้าวของผู้เฒ่าที่เดินจากหมู่บ้านไป..
http://www.EarnTheStar.com/page3/earnthestar282.htm

โดย : เจียระไน [ 2008-02-29 00:40:45 ] 58.8.157.108 DELETE    แจ้งลบ

1