นางเอกมากความสามารถ จอย ศิริลักษณ์ ผ่องโชค ก็รวบรวมความกล้าออกหน้าเชียร์พลังพันธมิตรฯ หลังจากติดตามฟังการปราศรัยของพันธมิตรฯ และแอบเชียร์อยู่ห่างๆ ตั้งแต่สองปีที่แล้ว การเปิดตัวครั้งนี้ นอกจากจะนำเพลงมาร้องปลุกใจแล้ว สาวจอยยังเรียกร้องให้ทุกคนออกมาทำหน้าที่พลเมืองไทย และแสดงความรักชาติกับกลุ่มพันธมิตรฯอย่างกล้าหาญ ผู้ใหญ่ยังไม่รู้เลยว่าขึ้นเวที ยังไม่มีใครรู้ พ่อแม่ยังไม่รู้เลย (หัวเราะ) ที่ตัดสินใจขึ้นเวทีวันนี้ คือ ขี้เกียจคิดเยอะแล้วปวดหัว คิดแค่ว่าทำในสิ่งที่ถูกต้อง จบ เราฟังข้อมูลหลายๆ ทาง เราคิดด้วยตัวเราเอง เราก็คิดว่านี่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ก็มา เท่านั้นเองค่ะ จอยมาหลายวันแล้ว เพราะตรงนี้ส่วนใหญ่มีแต่เด็กกับคนแก่ แล้วจอยรู้สึกว่าเราอยากมาเห็น มาดูแล มาให้กำลังใจ แต่เราทำอะไรไม่ได้หรอก เราตัวเล็ก เราก็วิ่งทันถ้ามีอะไรรุนแรง (หัวเราะ) แต่ก็มาดีกว่า แล้วก็ทำสิ่งที่ถูกต้อง และคิดว่าถ้าคนเยอะความรุนแรงก็จะเกิดขึ้นได้ยาก มันก็เป็นเรื่องความปลอดภัยในชีวิตของคนที่อยู่ที่นี่ด้วยค่ะ แต่ว่าจริงๆ เหตุผลไม่มีอะไรค่ะ รักในหลวง ก็เลยมา กับผลกระทบที่หลายคนเป็นห่วง คือ จอยก็ไม่รู้นะ ก่อนจะมาก็ทำหลายอย่าง ทั้งดูข้อมูล ดูข่าว ดูทุกสิ่งทุกอย่าง คิดด้วยตัวเอง และนั่งย้อนดูพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ย้อนหลังทางอินเทอร์เน็ต แล้วก็มาคิดๆๆ ตัดสินใจว่าสมควรจะทำอะไร และทุกคนมีหน้าที่หมด แต่ว่าจะสับสนว่านี่ใช่หน้าที่หรือเปล่า แม้แต่พี่ๆ ตำรวจ ทหารก็อาจจะสับสนว่าเราทำหน้าที่อยู่ เราต้องฟังคำสั่ง แต่จริงๆ เมื่อทุกคนมีหน้าที่ในอาชีพของตัวเองแล้ว ก็ต้องมีหน้าที่เป็นพลเมืองไทยด้วย จอยก็พยายามอ่านพระบรมราโชวาทหลายๆ อัน รับฟังสื่อหลายๆ อย่าง ฟังของเอกชนด้วย ฟังของฟรีทีวีด้วย ก็ตัดสินในด้วยตัวเอง จริงๆ มันไม่ต้องยกเรื่องเยอะนักหรอก เหตุผลถ้ามีอะไรที่อาจเอื้อมถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ จอยว่าทุกคนที่เป็นคนไทยต้องลุกขึ้นมาอยู่แล้ว และมันก็รวมๆ ไปถึงทุกเรื่อง แต่ว่าทุกๆ เรื่องที่ว่าเราก็ฟังหลายทาง บางอันที่เรามีหลักฐานในการตรวจสอบ เห็นชัดๆ เราก็เชื่ออันนั้น อันไหนที่เราไม่เห็นหลักฐานในการตรวจสอบ ยังไม่มีหลักฐานที่ชัด ทุกอย่างมันก็เป็นกระบวนการยุติธรรม ซึ่งจอยไม่ได้เอาตรงนั้นมาคิดนัก จอยฟังข้อมูลหลายๆ ทาง อ่านพระบรมราโชวาทหลายๆ อัน แล้วใช้สติปัญญาเท่าที่กำลังตัวเองจะมี ตัดสินใจ แล้วจอยก็ตัดสินใจมา แต่ว่า อีกอันนึงก็เพราะมีเด็กกับคนแก่เยอะ รู้สึกว่าถ้าเราเป็นคนหนึ่งที่มาแล้วทำให้คนมาเยอะขึ้น มันก็น่าจะดีขึ้น ไม่ใช่แค่คนในวงการบันเทิง จอยเข้าใจว่าทุกคนมีหน้าที่ ทุกคนมีเงื่อนไข มีหน้าที่หมด แต่หน้าที่นั้นคืออาชีพ แต่อีกหน้าที่หนึ่งที่เราทุกคนมีเหมือนกันหมด ก็คือ เป็นพลเมืองไทย ไม่อย่างนั้นจะร้องเพลงชาติไทยทำไม ถ้าแปลความหมายไม่ได้ บอกจะคอยเป็นสื่อกลางเปิดทัศนคติให้กับเพื่อนๆ ดาราในวงการ ได้ไตร่ตรองวิกฤตบ้านเมืองว่าอะไรผิดอะไรถูก ลั่นแม้จะรู้สึกหวาดหวั่นอยู่บ้างแต่ก็ขอสู้ยิบตา กร้าวขอตายอย่างเทพ จะไม่ตายอย่างทาส! ตอบแทนใครไม่ได้เลย เพราะไม่รู้ว่าคนอื่นเขาคิดอย่างไร แต่ว่าที่จอยทำอยู่ตอนนี้ ก็คือ ถ้าเจอเพื่อนดาราคนไหน จอยจะเสนอช่องทางในการรับข้อมูลข่าวสารให้เขา แล้วให้เขาไปคิดเอง ตัดสินใจเอง จะไม่บอกว่ามันอย่างนั้น อย่างนี้ หรือทางนั้นดี ทางนี้ดี เพราะไม่รู้สิ... เราไม่ได้ไปบอกว่าอันนั้นดี อันนี้ไม่ดี เราแค่บอกว่าดูฟรีทีวีแล้ว ดู ASTV ด้วย แล้วคิดเอา แล้วตัดสินใจเอง ถามว่ากลัวมั้ย... ไม่อยากตายอย่างทาส อยากตายอย่างเทพ (หัวเราะ) เข้าใจไหม แค่นั้นแหละ ก็ไม่รู้คนเรามันจะตายเมื่อไหร่ ตายเพราะอะไรก็ไม่รู้ จอยเป็นห่วงคุณแม่ ผลกระทบคนที่อยู่ตรงนี้มันมีหมดทุกคนแหละ ไม่รู้สิ อย่าถามให้ไปคิดซ้ำซ้อนเลย จอยมาแล้ว (หัวเราะ) กว่าจะตัดสินใจมาเราก็ต้องดูข้อมูลก่อน ถึงกับต้องนั่งอ่านพระบรมราโชวาทตั้งแต่ พ.ศ.2512 ย้อนมา แล้วพยายามใช้สติปัญญาเท่าที่มีครบถ้วน แล้วคิดว่ามาดีกว่า ถ้าเกิดโดนผู้ใหญ่ตำหนิอย่างที่เป็นกังวลจริงๆ สาวจอย บอกอย่างมุ่งมั่นว่า อะไรก็มาทำให้หัวใจเปลี่ยนไปไม่ได้ หัวใจมันเปลี่ยนไม่ได้ แต่ที่พูดเมื่อกี้เพราะว่า ตรงที่ที่จอยทำงาน มีคนหลายคนทำงานร่วมกัน เพราะฉะนั้นเราไม่รู้ว่าจิตใจใครเป็นอย่างไรบ้าง ถ้ามีผลกับงานส่วนใหญ่ เราก็ต้องรับผิดชอบงานในส่วนหนึ่ง แต่ว่า ก็มาอยู่แล้ว หมายถึงว่า อย่างการขึ้นเวทีหรือการมาในร่วมนั่งฟังเฉยๆ ไม่รู้เหมือนกัน เดี๋ยวรอดูสถานการณ์ก่อน อย่าไปคิดมากเลย คิดว่ามันถูกแล้วที่ทำ ก็ทำไปเถอะ (ยิ้ม) คัดจาก : เว็บผู้จัดการ |